Pages

Tuesday, September 8, 2020

'แม่ไม่รักษาคำพูด ไหนว่าจะไม่ทิ้งพ่อ' พ่อรองอาลัยแม่ทุม - เดลีนีวส์

tasisuper.blogspot.com

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปทุมวดี เค้ามูลคดี หรือ "แม่ทุม"  ศิลปินอาวุโส ภรรยาของ รอง เค้ามูลคดี นักแสดงอาวุโสชื่อดัง ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ในวัย 72 ปี เมื่อเวลา 02.25 น. ที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยไทรอยด์เป็นพิษ และโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) มานานกว่า 8 ปี  ท่ามกลางความเสียใจของครอบครัวและญาติมิตร รวมทั้งพี่น้องในวงการ ซึ่งครอบครัวได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ที่ศาลา 2 วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน มีพิธีรดน้ำศพ เวลา 16.00 น. และสวดพระอภิธรรม ในเวลา 18.00 น. โดยบรรยากาศงานเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีคนในวงการบันเทิงเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยเป็นครั้งสุดท้ายจำนวนมาก อาทิ พิศมัย วิไลศักดิ์, สมบัติ เมทะนี, มยุรฉัตร เหมือนประสิทธิเวช, จอย - ศิริลักษณ์ ผ่องโชค, ปิงปอง - สะแกวัลย์ ยงใจยุทธ และ กรุง ศรีวิไล  เป็นต้น  
 


ต่อมา รอง เค้ามูลคดี และ ยุ้ย-ปัทมวรรณ เค้ามูลคดี ลูกสาว ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงการสูญเสียครั้งนี้ พ่อรอง เปิดเผยว่า ตอนที่แม่ทุมจากไป ก็ค่อย ๆ หลับไปอย่างสบาย ตอนนั้นตนอยู่บ้าน แล้วหมอโทรฯมาตามยุ้ยตอนตีหนึ่งกว่า เรารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนแรกหมอบอกจะปั๊มหัวใจ แต่คิดว่าปล่อยให้เขาไปสบายดีกว่า ไม่อยากให้ทรมาน ล่าสุดที่ได้ไปเยี่ยมแม่ทุมก่อนที่ตนจะเข้าโรงพยาบาล ก่อนแม่ทุมจะเสีย ก็ได้เข้าไปหอมแก้มเขาแล้วบอกว่า "พ่อรักแม่ที่สุด อย่าทิ้งพ่อไปนะ" แต่แม่ไม่รับรู้ ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเขาไปหรือยัง เพราะแม่อาการเฉย ๆ ครอบครัวทำใจ เรารักษามานานหลายปีแล้ว ตอนที่เขาเคลื่อนศพแม่ทุมมาที่วัด พอแต่งหน้าเสร็จ ตนก็ไปหอมแก้ม บอกว่า "แม่ไม่รักษาคำพูดเลยนะ ไหนบอกว่าไม่ทิ้งพ่อ แล้วแม่ทิ้งพ่อไปทำไม"

วันที่ตนวูบก็ไม่ได้มีสัญญาณอะไรเกี่ยวกับแม่ทุม ส่วนเรื่องที่ไฟไหม้ห้องพระที่เกิดขึ้น เชื่อว่าอาจเป็นอุบัติเหตุ เพราะระหว่างเทียนกับพานที่ตั้งมันอยู่ในห้องนี้มาเป็น 10 ปี เราสวดมนต์ทุกวันไม่เคยเป็นอะไร วันนั้นสวดมนต์เสร็จ ก็นั่งสมาธิ พอหลับตาลูกสาวคนเล็กบอกคุณพ่อไฟไหม้ พอลืมตาไฟก็กำลังลุกต่อหน้า ส่วนเรื่องสุขภาพของตน ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ที่วูบไปเป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ หมอเขาจะนัดไปตรวจเรื่องหัวใจ ที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช  เราเข้าใจว่าลูกค่อนข้างเป็นห่วงสภาพจิตใจ แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไร 
 


 
การที่คนมองว่าคู่พ่อรองกับแม่ทุมเป็น "คู่รักตัวอย่าง" ตนรู้สึกดีใจ รวมทั้งดีใจที่แม่ทุมได้ทำความดีจนถึงวินาทีสุดท้าย ที่ทุกคนชื่นชมว่าเป็นคู่รักตัวอย่าง ไม่ใช่ว่ามาจากพ่อรองแต่มาจากแม่ทุมทั้งนั้น วันนี้เราก็มาส่งนางฟ้ากลับสวรรค์ เราก็ไม่รู้ว่าอยากจะทำอะไรเพื่อเขาแล้ว แต่สิ่งที่อยากคืออยากให้เขาฟื้น แต่ก็ทำไม่ได้ ปาฏิหาริย์ไม่มีแล้ว ตอนนี้พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด พยายามนึกกับลูกว่าแม่ชอบอะไร ก็พยายามจะทำให้เขา
 

 
ในส่วนการขอพระราชทานเพลิงศพ ถ้ามีโอกาสเราก็อยากทำ เพราะเป็นเกียรติยศต่อวงศ์ตระกูล แต่ในเมื่อเรามาอยู่ตรงนี้กันหมด ใครจะทำ เพราะฉะนั้นก็คิดว่าคงไม่เก็บแม่ทุมไว้ 100 วัน แต่จะไปลอยอังคารที่สัตหีบ เพราะแม่ทุมชอบทะเลมาก ลูกชายคนโตที่เสียไปแล้วก็อยู่ตรงนั้น แม่ของพ่อรองก็อยู่ตรงนั้น พี่ชายของพ่อรองก็อยู่ตรงนั้น ก็ให้เขาไปอยู่ด้วยกันตรงนั้น หลังจากนี้ก็แล้วแต่ลูกว่าจะจัดการยังไง ก็ขอขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจมาให้ครอบครัวเรา 
 

ขณะที่ ยุ้ย กล่าวพร้อมกับน้ำตาคลอเบ้าว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 5-6 วันแม่ทุมอาการเริ่มทรุด ทางโรงพยาบาลก็บอกให้เราเตรียมใจเอาไว้ แต่เราไม่ได้บอกคุณพ่อ ซึ่งขนาดไม่ได้บอก แต่อยู่ดี ๆ คุณพ่อก็มีอาการวูบก่อนหน้านี้ จนพ่อมารู้วันนี้ วันที่คุณแม่ไปแล้วทุกอย่างจัดเตรียมไว้พร้อมหมด ที่เราต้องปิดบังเพราะเป็นห่วงคุณพ่อด้วย สาเหตุที่คุณแม่ทรุด เนื่องด้วยโรคที่ท่านเป็นอยู่ ท่านสู้มาได้ถึงขนาดนี้ถือว่านานมากแล้ว อวัยวะต่าง ๆ ไม่ทำงานแล้ว ร่างกายไม่ขับของเสีย ความดันค่อย ๆ ลดลงเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยโอเค ในวันที่คุณพ่อวูบเข้าโรงพยาบาล กำลังพาท่านไปส่งห้องฉุกเฉิน พี่ชายก็โทรฯมาบอกว่าคุณแม่ทรุด วันนั้นค่อนข้างหนักมาก แต่วินาทีนั้น คือ อยากให้คุณพ่อแข็งแรงก่อน หลังจากที่คุณพ่อออกจากโรงพยาบาลวันนึง คุณแม่ก็เหมือนอาการดีขึ้น แต่วันรุ่งขึ้นท่านก็ไม่อยู่แล้ว 
 

สำหรับสภาพจิตใจคุณพ่อรองเราก็ดูแลสภาพจิตใจมาโดยตลอด ซึ่งคุณพ่อก็ต้องให้ความร่วมมือด้วย พอเขาหายปุ๊บก็จะไปหาคุณแม่ อย่างวันที่ถ่ายละครหนัก ๆ กลับมาหลับที่โซฟา พอเราปลุกให้ไปนอนบนเตียงดี ๆ เขาก็จะไปหาแม่ แล้วเขาก็วูบ ตอนนี้บอกทุกคนในครอบครัวว่าไม่ให้คุณพ่อรองไปไหนคนเดียว ถ้าใครว่างก็จัดเวรดูแลคุณพ่อ

ถามว่าคุณแม่ทุมยังมีห่วงอะไรไหม ก็พูดยากมาก แม่ทุมเป็นห่วงทุกคนในครอบครัวมากกว่าตัวเองมาโดยตลอด แต่เราไม่ได้สื่อสารกับคุณแม่เลย เพราะคุณแม่ได้สื่อสารกับเรามาสักระยะหนึ่งแล้ว ก็ไม่รู้ว่าแม่คิดอะไร ยังไง เลยต้องใช้เวลาช่วงสุดท้ายที่คุณหมอกับพยาบาล เขาให้เราอยู่กับคุณแม่ก่อนที่ทุกอย่างจะเป็นศูนย์ ให้ไปพูดกับคุณแม่ ก็พยายามบอกแม่ว่าไม่ต้องห่วงแล้ว สำหรับคุณแม่ทุมเป็นต้นแบบของเราในเรื่องความสู้ ท่านต่อสู้กับโรคนี้มาตลอด 8 ปี วันนี้คุณแม่สู้จนถึงที่สุดแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจพวกเรามาโดยตลอด
 


 
ด้าน เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร ผู้จัดการดาราชื่อดัง ที่มีความผูกพันกับครอบครัว “เค้ามูลคดี” เหมือนเป็นคนในครอบครัว ก็ได้มาร่วมแสดงความอาลัยแม่ทุมครั้งสุดท้ายเช่นกัน พร้อมกับเปิดใจว่า ตนเป็นเพื่อนกับยุ้ย-ปัทมวรรณ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ตอนเย็นกลับมาทานข้าวที่บ้านของยุ้ย ส่วนแม่ทุมก็จะดูแลตนเหมือนเป็นลูกคนนึง ตนเหมือนคนในครอบครัว ครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของตนเช่นกัน ตอนที่พ่อรองล้มป่วย เราก็วิ่งวุ่นเข้าโรงพยาบาล อีกด้านแม่ทุมก็ป่วย ตนจึงเห็นใจยุ้ยมาก อยากดูแลทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เมื่อคืนตนหลับเร็วเพราะทำงาน กระทั่งยุ้ยโทรศัพท์มาเมื่อเวลา 02.50 น. ก็ไม่ได้รับสาย แต่เห็นข้อความที่ยุ้ยทิ้งไว้ว่าแม่ทุมหัวใจหยุดเต้น ตอนแรกคิดว่าแค่หัวใจหยุดเต้น แต่ไม่คิดว่าเสียชีวิตแล้ว จึงโทรฯไปหายุ้ย ว่าคุณหมอได้ปั๊มหัวใจหรือไม่ แต่เสียงยุ้ยเข้มแข็งมาก และบอกตนว่าตอนนี้กำลังหาวัดอยู่ ตนก็ร้องไห้ รู้สึกผูกพันกับแม่ทุม อาจไม่ได้คุยกับแม่ทุมบ่อยในช่วงที่ท่านป่วยมาก แต่ก็ส่งกำลังใจและทุกอย่างที่ทำได้ ยุ้ยก็บอกให้ตนเข้มแข็ง อย่าร้องไห้นำ ตนก็ร้องไห้เพราะจิตตก จากนั้นเราก็หาวัด ซึ่งยุ้ยเองอยากได้วัดที่ใกล้บ้าน ผู้ใหญ่มาได้สะดวก จึงลงความเห็นว่าเป็นที่วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน ซึ่งตนได้จัดการเรื่องโลงศพและดอกไม้  อยากให้ยุ้ยไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลย ตนจะจัดการทั้งหมดทุกอย่าง

สำหรับชีวิตมหาวิทยาลัยของตนเหมือนเด็กต่างจังหวัด มาเรียนที่กรุงเทพฯ เวลาเงินค่าหอหมด เงินค่ากินก็ไม่พอ จึงฝากปากท้องไว้ที่บ้านพ่อรองและแม่ทุมมาตลอด แม่ทุมก็เป็นห่วงตนมาโดยตลอด ไม่เคยมองเราว่าไม่ได้เป็นนักแสดงเลยไม่ใส่ใจ ต่อมาตนได้เป็นผู้จัดการดารา แม่ทุมก็คอยสอนและพูดคุย ให้คติประจำใจว่าอยู่ตรงนี้ลูกต้องอดทน เคารพและกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เราทำมาตลอด ส่วนนึงตนมีวันนี้ได้เพราะมีแม่ทุม ทุกคนในครอบครัว "เค้ามูลคดี" เป็นบทเรียนแรกที่ทำให้เราได้เรียนรู้ในการเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิง ตนจึงไม่เคยลืม หากมีบทบาทอะไรที่พ่อรองและยุ้ยแสดงได้ ตนก็จะทำ อะไรที่สามารถทำเพื่อตอบแทนบุญคุณได้ก็จะทำ ตอนเด็กที่กินข้าวบ้านยุ้ย เราก็คิดว่าวันนึงถ้าเราร่ำรวยก็จะกลับมาทดแทน ซึ่งตนรู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสไม่มากก็น้อย ในการได้ทดแทนบุญคุณแบบที่เคยคิดไว้เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
 


 
สำหรับความผูกพันกับครอบครัว "เค้ามูลคดี" คือตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย และได้เจอกับยุ้ยเมื่อปี พ.ศ. 2536 ซึ่งการทำงานของแม่ทุมนั้นเป๊ะ  ทุกคนจะบอกว่าตนได้เชื้อแม่ทุมมามาก ทั้งการทำผม แต่งหน้าและแต่งตัวรวมไปถึงการกินต่าง ๆ ตนก็อยากให้น้อง ๆ นักแสดงที่รักได้ใส่สวย ๆ ก่อน ได้กินอาหารก่อน ตนดูการทำงานของแม่ทุม ดูว่าทำไมคนจึงรักท่าน เพราะแม่ทุมเป็นคนมีน้ำใจและมีเมตตา ซึ่งแม่ทุมสอนมาเรื่อย ๆ และเราก็ดูแม่ทุมปฏิบัติต่อคนอื่น และจำพร้อมนำมาปฏิบัติตาม เหมือนครูพักลักจำ รวมถึงความกตัญญูต่อผู้มีบุญคุณ เป็นสิ่งที่ท่านพูดมาโดยตลอด ส่วนการปลอบยุ้ยจริง ๆ ไม่ต้องพูดอะไร แค่มองตาก็รู้ใจ ที่ตนมาวันนี้เหมือนเป็นคนในครอบครัว เป็นหน้าที่ของลูกคนนึงที่มาในวันที่แม่ของตัวเองไม่อยู่ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ครอบครัวเค้ามูลคดีนั้นตนทำมาโดยตลอด ตั้งแต่ตอนที่แม่ทุมยังอยู่ เราได้ดูแลทุกอย่างเท่าที่เราทำได้ เราจะทำให้เดินต่อไปด้วยกันได้ เหมือนวันที่เขาให้โอกาสเรา ส่วนการที่แม่ทุมได้ต่อสู้กับโรคดังกล่าวมาถึง 8 ปีเต็ม แม่ทุมมีความอดทนเพื่อทุกคน แค่ได้ยินเสียงลูกหลานกระซิบข้างหูแม่ทุมก็จะลืมตา ตนคิดว่าแม่ทุมเป็นคนที่มีความอดทนที่ยิ่งใหญ่มาก
 


 


สำหรับการสวดพระอภิธรรม แม่ทุม-ปทุมวดี จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 8-12 ก.ย. นี้ เวลา 18.30 น. และมีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 13 ก.ย. นี้ เวลา 17.00 น.  
 

Let's block ads! (Why?)



"พอ" - Google News
September 07, 2020 at 06:23PM
https://ift.tt/3h6XHGU

'แม่ไม่รักษาคำพูด ไหนว่าจะไม่ทิ้งพ่อ' พ่อรองอาลัยแม่ทุม - เดลีนีวส์
"พอ" - Google News
https://ift.tt/2AxnV60

No comments:

Post a Comment