หุ้นเด่นวันนี้
17 กรกฎาคม 2563 | 09:32
ราคาหุ้น CBG หลังจากที่ขึ้นไปแตะ 115 บาท ก็แกว่งตัวมาอย่างต่อเนื่อง แม้ล่าสุดจะขึ้นไปทำ All Time High ได้อีกรอบที่ 115.50 บาท แต่ราคาก็แผ่วลงมาตามเคย แม้จะทราบกันดีกว่ากำไรปีนี้จะโตแรง เพราะแทบไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ..แต่ราคาที่มาได้ขนาดนี้ แถมยังไม่ผ่านแนวต้านสำคัญ ยังคุ้มค่าที่จะลงทุนอยู่ไหม?
ราคาหุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG วันทำการล่าสุด(16ก.ค.63) เปิดตลาดบวกขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 114.50 บาท พยายามที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ All Time High ที่ 115.50 บาท ซึ่งทำไปได้เมื่อวันทำการก่อนหน้าอีกครั้ง
อย่างไรก็ดีราคาหุ้นกลับแผ่วลงมาปิดตลาดไปที่ 113 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า มูลค่าซื้อขายอยู่ที่ 336.98 ล้านบาท
ราคาหุ้น CBG ปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาด(outperform SET) ในช่วง 1 และ 3 เดือนที่ผ่านมาถึง +19% และ +50% ซึ่งก็เป็นเพราะความเชื่อมั่นต่อผลประกอบการที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เลย
แต่ก่อนจะตัดสินว่าราคาหุ้นในปัจจุบันแพงไปหรือยัง ก็ควรไปดูผลประกอบการกันก่อนดีกว่า
แม้ราคาหุ้น CBG จะเริ่มออกอาการแผ่วหลังเข้าใกล้ราคาเหมาะสมของนักวิเคราะห์ แต่จากการสำรวจพบว่านักวิเคราะห์อย่างบริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคทีบี เริ่มจะหันมาปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิในปี 63 - 64 ขึ้น ถึง 11% และ 17%
โดยประเมินกำไรสุทธิปี 63 จะทำได้ที่ 3,463 ล้านบาท(+38% YoY) จาก รายได้รวมขยายตัว +14% YoY สินค้าแบรนด์ตนเองโต +2% จากรายได้ Woody C+ Lock ที่ 630 ล้านบาท แต่รายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่ปรับตัวลดลง -9% ส่วนรายได้ในต่างประเทศขยายตัว +25% YoY ด้าน GPM ขยายตัวต่อเนื่องเป็น 43.3% จาก 38.9% ในปีก่อน และ ICUK ขาดทุนน้อยลง
กำไรสุทธิปี 64 จะทำได้ 4,215 ล้านบาท (+22% YoY) จากรายได้ในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่องอีก +12% YoY โดยเฉพาะรายได้ Woody C+Lock จะเป็น 1,008 ล้านบาท เติบโต +60% YoY จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ใส่ใจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากขึ้น
รายได้ต่างประเทศ +14% YoY และ GPM ขยายตัวต่อเนื่องจากการประหยัดต่อขนาดและการใช้กำลังผลิตโรงงานที่เพิ่มขึ้น โดย CBG ได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 ล้านขวด/วัน (+40%) และ 5.7 ล้านกระป๋อง/วัน (+30%) ตั้งแต่ไตรมาส 4/63 เพื่อรองรับการเติบโตของยอดขายต่างประเทศและ Woody C+Lock ซึ่งเราเชื่อว่าจะช่วยหนุนให้ GPM เติบโตในระยะยาว
จากการสำรวจประมาณการของนักวิเคราะห์พบบางรายเริ่มปรับราคาเหมาะสมขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้อัพไซด์ขยายตัวขึ้นไปมากนัก จึงอาจเป็นจังหวะทยอยขาย
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า แม้ผลประกอบการจะเติบโตได้เป็นอย่างดี เราจึงปรับราคาเป้าหมายไปใช้เป็นเราคาเป้าหมายสิ้นไตรมาส 2/64 ที่ 122 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 118 บาท และก็ยังเหลืออัพไซด์ไม่มากสะท้อนว่าตลาดได้รับรู้ปัจจัยบวกไปมากระดับหนึ่งแล้ว
ทั้งนี้ แม้จะมีแนวโน้มปรับประมาณการเพิ่มขึ้นได้อีก แต่ช่วงสั้นการปรับตัวขึ้นมาแรงและเร็วอาจเป็นจังหวะในการลดน้ำหนักบางส่วนเพื่อ Lock-in-profit จึงลดคำแนะนำเป็น Trading
ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ
RECOMMENDED NEWS
Let's block ads! (Why?)
No comments:
Post a Comment