
นางกรทิพย์ เล่าว่า เมื่อปี 2541 น้องสาวกู้ กยศ. เรียนที่วิทยาลัยในจังหวัดแพร่ หลังเรียนจบได้ทยอยส่งเงินคืน กยศ.มาตลอด แต่ต่อมาได้ย้ายไปทำงานต่างจังหวัดจึงขาดส่งไประยะหนึ่ง เหลือยอดที่ค้าง กยศ. กว่า 17,000 บาท ต่อมากลับมีหนังสือมาติดหน้าบ้านว่าเป็นทรัพย์สินถูกขายทอดตลาดแล้ว ซึ่งตอนนั้นเธอและน้องทำงานต่างจังหวัด ส่วนที่บ้านมีพ่อ แม่ และลุงที่ไม่รู้หนังสือ จึงถ่ายรูปส่งไปให้ดู พอเห็นก็รีบกลับมาบ้าน จนรู้ว่าบ้านถูกขายไปแล้ว
เธอและน้องสาวตกใจมาก เพราะบ้านหลังนี้เป็นชื่อของพ่อ และพ่อก็ไม่ได้เป็นคนค้ำประกันการกู้ กยศ. เป็นเพียงคู่สมรสของแม่ ที่เป็นคนค้ำประกันเท่านั้น ซึ่งเธอรู้สึกแปลกใจว่าทำไมจึงเลือกบ้านของพ่อซึ่งหลังใหญ่กว่าบ้านแม่ที่อยู่ติดกัน
ขณะที่พ่อและแม่บอกว่า พอรู้ว่าบ้านถูกขายทอดตลาดก็ตกใจจนนอนไม่หลับ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ในตอนนั้นที่ให้ลูกกู้ กยศ. เพราะอยากให้ลูกเรียนให้จบ แต่ไม่มีเงินส่ง
ล่าสุดวันนี้ (25 มิ.ย.) นางสาวกรทิพย์, นางสาวสมหมาย และพ่อแม่ เดินทางไปที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ เพื่อยื่นเรื่องร้องเรียนและขอความเป็นธรรม โดยผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ ได้รับเรื่องไว้และได้ประสานประสานเจ้าหน้าที่จากกรมบังคับคดี ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีลำดับขั้นตอนในการยึด ว่าเหตุใดไม่ยึดทรัพย์สินของคนกู้ หรือคนค้ำประกัน แต่กลับไปยึดบ้านของคู่สมรสผู้ค้ำประกัน และหลังจากนี้จะประสานไปที่สำนักงานยุติธรรมเข้ามารับเรื่องตามลำดับ
ขณะที่นางสาวกรทิพย์บอกว่า เท่าที่พูดคุยกับอัยการ ได้รับคำแนะนำว่าให้ทำเรื่องขอรื้อคดีใหม่ รวมทั้งให้เจรจาไกล่เกลี่ยกับผู้ที่ซื้อบ้าน
ขณะที่ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ กยศ. ชี้แจงว่า หลังตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าผู้กู้ยืมถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2551 และศาลมีคำพิพากษาให้ชำระหนี้เงินต้น 17,868 บาท พร้อมดอกเบี้ย แต่ผู้กู้ยืมไม่ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา จึงจำเป็นต้องสืบทรัพย์บังคับคดี และจากการสืบทรัพย์พบทรัพย์สินของผู้กู้ แต่ไม่สามารถยึดได้ เนื่องจากถูกเจ้าหนี้รายอื่นยึดไว้แล้ว จึงจำเป็นต้องยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันเมื่อปลายปี 2561 ซึ่งที่ดินดังกล่าวติดจำนองเจ้าหนี้รายอื่นอยู่
ต่อมาในช่วงต้นปี 2562 ผู้กู้ได้ชำระหนี้เพียงบางส่วน และไม่ได้ติดต่อกองทุนเพื่อทำบันทึกข้อตกลง งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินที่ถูกยึดไว้ ซึ่งตามเงื่อนไข หากผู้กู้หรือผู้ค้ำประกันมาติดต่อ ก็สามารถของดการขายทรัพย์และผ่อนชำระหนี้ได้อีก 6 ปี
ต่อมา สำนักงานบังคับคดีจังหวัดแพร่ได้ประกาศขายทอดตลาดที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง โดยขายแบบติดจำนอง เมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา และมีบุคคลภายนอกซื้อได้ในราคา 30,000 บาท โดยการขายครั้งนี้เป็นการขายครั้งที่ 11 ซึ่งในการขายทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่มีผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันมาดูแลการขาย
พร้อมฝากถึงผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันที่ถูกบังคับคดี ขอให้มาติดต่อที่กองทุน เพื่อจะได้โอกาสในการผ่อนชำระได้อีกไม่เกิน 6 ปี
"พอ" - Google News
June 25, 2020 at 05:41PM
https://ift.tt/380Smyb
หญิงร้องเรียน เป็นหนี้ กยศ. 17,000 บาท ถูกยึดบ้านขายทอดตลาดกว่า 2 ล้านบาท - ช่อง 7
"พอ" - Google News
https://ift.tt/2AxnV60
No comments:
Post a Comment