Pages

Tuesday, June 16, 2020

ส่อเลื่อนเลือกตั้งท้องถิ่น งบไม่พอ เจ้าหน้าที่ไม่พร้อม - ไทยรัฐ

tasisuper.blogspot.com

ส่งคนลงพื้นที่ เจอกักตัว14วัน! พท.บี้อ้างโควิด โพลบ่นรัฐบาล ทําให้ชีวิตแย่ลง

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า แม้รัฐบาลจะควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ดีเยี่ยม แต่ยังต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทั้งนี้ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าโครงการก้าวต่อไปเราไม่ทิ้งกัน ส่งทีมเราไม่ทิ้งกันกระจายลงช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ วันที่ 18 มิ.ย. จะไปร่วมโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะมาเป็นประธานด้วย วันนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือประชาชน นายอุตตมเร่งทำงานแข่งกับเวลาโดยไม่สนเรื่องการเมือง เพราะมองว่าขณะนี้ไม่ใช่เวลาของการเมือง แต่เป็นเวลาทำงานให้ประชาชน ส่วนตัวเห็นด้วยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่ให้รัฐมนตรีทุกคนทำงานให้ดีที่สุดเพื่อประชาชน

“นิพิฏฐ์” แจ้ง “ชวน” ถกปัญหา ปชป.

ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังออกมาเรียกร้องให้ผู้บริหารพรรคมาพูดคุยถึงการแก้ไขปัญหาภายในพรรค แต่ยังไม่ได้รับสัญญาณว่าจะหารือกันเมื่อไหร่ ต้องรอการประสานจากนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้อธิบายให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานสภาที่ปรึกษาพรรคฯ รับทราบเหตุผลการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ยืนยันให้เห็นถึงความมีอยู่จริงของปัญหา และสมาชิกพรรคทั้งที่เป็น ส.ส. และอดีต ส.ส. ที่อึดอัดกับสภาวการณ์นี้ เพื่อนำไปสู่การพูดคุยแก้ไขปัญหา ที่ทำไปทั้งหมดเพราะเห็นว่าในอนาคตจะมีคนที่มีศักยภาพกำลังเดินออกจากพรรคไป จากสาเหตุของความอึดอัด ที่ตนต้องทำก็เพื่อรักษาพรรคและคน ในพรรคให้อยู่ร่วมกัน พัฒนาบ้านหลังนี้ต่อไปด้วยกัน

ยันทำเพราะรักพรรคเหมือนกัน

เมื่อถามว่าแสดงว่ากำลังจะมี ส.ส.และอดีต ส.ส. เตรียมลาออกไปอยู่พรรคอื่น นายนิพิฏฐ์ตอบว่า ไม่ขอเอ่ยถึง แม้ยังไม่มีข่าวว่าใครจะออก แต่การปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังโดยไม่แก้ไข อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนของพรรคต้องออกไป เราต้องรอให้เหตุการนั้นเกิดขึ้นก่อนหรือแล้วค่อยมาแก้ไข อาจเข้าตำรากว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ หากเปรียบไปพื้นที่ภาคใต้เสมือนยานแม่ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะภาคใต้ กับ กทม. เป็นฐานหลัก ถ้าตกก็ตกเหมือนกัน ถ้าฟื้นก็ฟื้นเหมือนกัน หากยังไม่แก้ไขปัญหา เลือกตั้งครั้งหน้าจะเหลือเท่าไหร่ ฉะนั้นถ้าพื้นที่หลักของพรรคยังยึดคืนไม่ได้ และถ้าต้องเสียคนของพรรคไปอีกก็ไม่ต้องพูดถึงพื้นที่ภาคอื่นแล้ว ตนจึงต้องรักษาคนของเราเอาไว้ และที่ทำก็เพราะรักพรรคเช่นกัน ทั้งนี้ ไม่ขอพูดถึงปรากฏการณ์ ส.ส.ของพรรคส่วนหนึ่งที่ไปกินข้าวที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ในความคิดมันตรงกันว่าต้องมีการพูดคุยกันในพรรค

“วิทยา” จี้ผู้บริหารใจกว้างรับฟัง

นายวิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ยอมรับว่ามีความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังไม่เห็นตัวว่าจะมีใครเป็นแกนหลักไปล้มล้างนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯคนปัจจุบันได้ ตอนนี้จึงเป็นภาพความอึมครึมที่ไม่เป็นผลดี ในภาวะที่พรรคต้องสร้างความมั่นคงเข้มแข็ง ผู้บริหารพรรคควรเปิดกว้างรับฟังผู้อื่น การบริหารพรรคไม่ใช่การยกพรรคให้ไปเป็นเจ้าของ เพราะพรรคเป็นของทุกคนมาโดยตลอด อย่าให้เกิดความรู้สึกว่าพรรคนี้มีบางคนเป็นเจ้าของ

แนะปรับตัวก่อนตกต่ำกว่าเดิม

นายวิทยากล่าวอีกว่า ที่สำคัญอย่าพยายามแบ่งกลุ่มแบ่งขั้ว ไม่เช่นนั้นพรรคการเมืองที่มีในปัจจุบันเกือบไม่สามารถเป็นที่ยึดเหนี่ยวของประชาชนได้เลย ทุกพรรคการเมืองอยู่ในภาวะตกต่ำคล้ายกันหมด ถ้าเป็นเช่นนี้จะยิ่งทำให้วงจรการเมืองเข้าสู่วงจรอุบาทว์อีกครั้ง เมื่อพรรคเป็นหลักไม่ได้ การเข้าสู่การเมืองการเลือกตั้งแต่ละครั้งจะยิ่งมีการซื้อสิทธิขายเสียงรุนแรงยิ่งขึ้น เป็นเรื่องที่ประชาธิปัตย์คัดค้านมาตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมา องค์กรกำกับการเลือกตั้งไร้ประสิทธิภาพ ถือเป็นการสูญเปล่าอยู่ภายใต้การครอบงำของบุคคลที่ไม่สามารถให้ความ เป็นธรรมในการเลือกตั้งได้ พรรคประชาธิปัตย์ต้องเปิดกว้างในการปฏิรูป ไม่เช่นนั้นจะตกต่ำกว่าเดิม

พท.ยกโพลขย่ม “บิ๊กตู่” บี้ยุบสภา

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นของซูเปอร์โพล ที่พบว่าเสียงส่วนใหญ่อยากให้ยุบสภาคืนอำนาจประชาชนเลือกตั้งใหม่นั้น สถานการณ์วิกฤติรอบด้านขนาดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม คงไปต่อยาก รัฐบาลไม่สามารถคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อสร้างความมั่นคงให้ตัวเองได้ตลอดไป พล.อ.ประยุทธ์มี 2 ทางเลือก คือ ยุบสภา หรือลาออก เพื่อรับผิดชอบช่วงเวลา 6 ปีที่บริหารล้มเหลว ไม่มีการปฏิรูปประเทศ ไม่สร้างความปรองดองสมานฉันท์ วิกฤติเศรษฐกิจ ส่งออกพัง ท่องเที่ยวทรุด เหลือแค่การบริโภคภายในที่ยังมองไม่เห็นแผนฉุดเศรษฐกิจประเทศให้พ้นปากเหว วัคซีนทางสังคม ประชาชนช่วยกันสร้างขึ้นมาแล้ว รอแต่วัคซีนกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีออกมา ถ้าแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ สังคม การเมืองไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์
ต้องตัดสินใจเลือกระหว่างยุบสภา หรือลาออก

แต่ต้องแก้กติกาให้เป็นธรรมก่อน

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากผลโพลที่ชี้ว่าประชาชนอยากให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ ถ้าเหตุผลการยุบสภามาจากการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีในพรรคแกนนำรัฐบาล ก็ถือว่าไม่เป็นธรรมกับสภา ที่สำคัญคือหากจัดเลือกตั้งภายใต้กติกาเดิม ก็เหมือนให้ผู้สืบทอด อำนาจเลือกชิม ช้อป ใช้ ตามอำเภอใจเหมือนที่ผ่านมา นายกฯไม่มีเหตุผลอันสมควรที่จะยุบสภาเพื่อแก้ไขปัญหาภายในพรรครัฐบาลเอง แต่ควรส่งสัญญาณไปยังคณะกรรมาธิการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เร่งพิจารณาเสนอทางออกในประเด็นสำคัญ เช่น ระบบการเลือกตั้ง ส.ส. การได้มาซึ่ง ส.ว. และอำนาจหน้าที่ ส.ว. ก่อนคืนอำนาจควรคืนความสุขประชาชนด้วยการทำให้กติกาบ้านเมืองกลับมาสู่ปกติในแนวทางประชาธิปไตยโดยเร็ว

แนะเปิดออนไลน์ข้อมูลใช้เงินกู้

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศกล่าวถึงการใช้งบโควิดฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม จำนวน 4 แสนล้านบาท ว่า การใช้เงินต้องคุ้มค่า สร้างงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมได้จริง แม้จะมีคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ และมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อติดตามตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณส่วนนี้ของสภาผู้แทนราษฎรแล้วก็ตาม อยากเสนอให้รัฐบาลเพิ่มการรับฟังความเห็นทางออนไลน์จากประชาชนในท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เกษตรกรเจ้าของกิจการเอสเอ็มอี นักธุรกิจ และภาคส่วนต่างๆ ว่าแต่ละโครงการคุ้มค่า และฟื้นฟูเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ มีโครงการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรือไม่ ตรงตามความต้องการของคนในท้องถิ่นหรือไม่ และยังเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชน สะดวก รวดเร็ว รัฐบาลจะได้มีข้อมูลประกอบการพิจารณา เพื่อให้การใช้เงินกู้ที่คนไทยต้องแบกรับหนี้นี้ไว้ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิผลและคุ้มค่า

“พิชัย” ห่วงช่วงสุญญากาศ ศก.

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า จากกระแสข่าวที่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะมีการเปลี่ยนคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ อาจส่งผลให้เกิดการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจยกชุด เหมือนเป็นสุญญากาศทางการเมือง ทำให้ข้าราชการเองก็ไม่แน่ใจว่าควรดำเนินการแบบไหน เพราะผู้ที่กำลังบริหารอยู่อาจต้องถูกปรับออกไป และแนวทางที่ ทำอยู่น่าจะไม่ฟื้นเศรษฐกิจได้ หากต้องปรับ ครม.เศรษฐกิจก็ควรเร่งดำเนินการ และนายกฯควรลดทิฐิกลับไปศึกษาแนวคิดที่ตนเคยเสนอมาตลอด ซึ่งตรงข้ามกับแนวทางทีมเศรษฐกิจที่บริหารล้มเหลวนี้ นายกฯต้องเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน จะทำเหมือนอดีตไม่ได้ หากบริหารผิดทางจะยิ่งทำให้ประเทศย่ำแย่ลงไปอีกนาน และไม่มีเงินทุนเหลือเพียงพอที่จะปรับเปลี่ยนประเทศแล้วเพราะรัฐบาลได้กู้เงินใช้เต็มวงเงินแล้ว จนหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นเป็น 7.1 ล้านล้านบาทแล้ว อยากให้นายกฯศึกษาแนวทางที่ตนเคยเสนอไว้ คือการปรับเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด (Digitalization) เริ่มต้นจากปรับเปลี่ยนระบบราชการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและส่งเสริมให้ประเทศพัฒนาตามโลกทัน และยังแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ เช่น การผูกขาด การคอร์รัปชัน การหนีภาษี และความเหลื่อมล้ำได้ด้วย

ยังไม่ชี้มูล ส.ส.กดบัตรแทนกัน

วันเดียวกัน นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และโฆษก ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณี ส.ส.เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ว่า เพิ่งมีการยื่นคำร้องให้ ป.ป.ช.พิจารณาเมื่อต้นปี 2563 เรื่องยังอยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่ามีมูลหรือไม่อย่างไร เนื่องจากเกี่ยวข้องกับ ส.ส.หลายคน รวมทั้งผู้ถูกกล่าวหามีหลายคน ทำให้ต้องตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องมากพอสมควร เมื่อสรุปเบื้องต้นต้องนำเสนอเข้าที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณา เพื่อตั้งคณะกรรมการไต่สวน ขณะนี้ยังไปไม่ถึงขั้นตอนนั้น เรื่องนี้จึงยังไม่มีการชี้มูลความผิด ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง หากมีความคืบหน้าจะแถลงข่าวให้ทราบ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ที่ผ่านมามีกรณีเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันกรณีเดียวที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไปแล้ว คือ นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ในการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของ ส.ว. และเงินกู้ 2 ล้านล้าน ซึ่งนานหลายปีแล้วและส่งไปยังศาลฎีกาฯเรียบร้อย

เปิดชื่อ ส.ส.จาก ภท.3-พปชร.1

ผู้สื่อข่าวถามว่าโยงเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ นายนิวัติไชยตอบว่า ป.ป.ช.ดูจากข้อเท็จจริง ว่ามีการกระทำผิดจริงหรือไม่ ส่วนผลที่เกิดขึ้นจะกระทบอย่างไรนั้น ป.ป.ช.ไม่สามารถคาดหมายได้ อยู่ที่ว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นไปตามคำกล่าวหาหรือไม่ ถ้าเป็นไปตามข้อกล่าวหา หน้าที่ ป.ป.ช.ต้องดำเนินการรวบรวมและพิจารณาวินิจฉัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีการยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันนั้น ประกอบด้วยการกล่าวหา 3 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ได้แก่ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง นางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสมบูรณ์ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ และ 1 ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ คือ น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ เสียบบัตรลงคะแนนแทนกันในระหว่างพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563

“นิพิฏฐ์” คาดมี 2 คนถูกฟันอาญา 157

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ข่าวล่ามาเร็ว...มี ส.ส. 2 คน ถูกชี้มูลคดีอาญา ม.157 เรื่องกดบัตรแทนกัน จบข่าว!!” ต่อมานายนิพิฏฐ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า หลังจากออกมาเปิดเผยเรื่องมี ส.ส.หลายรายในสภาฯชุดปัจจุบัน มีพฤติกรรมเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันในการโหวตลงมติใน พ.ร.บ.งบ ประมาณฯ 2563 มีหลักฐานตามที่เคยเป็นข่าว ทั้งภาพการไปดูงานต่างประเทศ และทำกิจกรรมในพื้นที่ในวันเด็ก เข้าใจว่า ป.ป.ช.คงตั้งเรื่องสอบ หรือมีคนไปร้อง ต่อมาทางอนุกรรมการแสวงหา ข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช. เชิญตน และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องไปให้ถ้อยคำ ทำให้มั่นใจว่าอย่างน้อยต้องมี 2 คนที่ถูกชี้ว่าคดีมีมูลในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ลั่นถึงเวลาเช็กบิลองค์กรอิสระ

ต่อมานายนิพิฏฐ์โพสต์เฟซบุ๊กเพิ่มเติมระบุว่า “เรามีองค์กรอิสระไว้ทำไม?” อธิบายง่ายๆคือมาจากหลักคิดว่าระบอบประชาธิปไตยมีแนวโน้มจะกลายเป็นเผด็จการเสียงข้างมาก จึงมีองค์กรอิสระมาเสริมการทำหน้าที่ของรัฐธรรมนูญ ให้มีองค์กรอิสระเป็นเครื่องมือของเสียงข้างน้อยตรวจสอบเสียงข้างมาก และตรวจสอบการทุจริตของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง องค์กรอิสระมีทางเลือก 2 ทาง คือ 1.ตรวจสอบจริงจัง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต สมตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2.เป่าคดี ช่วยฟอกคนทุจริตจากดำให้เป็นขาว องค์กรอิสระเมืองไทยปฏิบัติหน้าที่อย่างไร แล้วแต่ใครจะเข้าไปสัมผัส หากปฏิบัติดีถูกต้อง ก็เท่ากับรักษาระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคง แต่หากปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุจริต เราจะเห็นรังสีอำมหิตแผ่ซ่านมาโอบอุ้มคนชั่วอย่างชัดเจน แต่ช้าก่อน องค์กรอิสระก็ถูกฟ้องได้ เพียงแต่ปัจจุบันไม่มีคนกล้าลุกขึ้นมาต่อกรกับองค์กรอิสระ (บางองค์กร) เรายอมเป็นลูกไล่ ยอมศิโรราบกราบกราน ก้มหัว เราหน่อมแน้มเกินไป หรือเราเป็นคนสีดำ หรือสีเทา เราจึงกลัวไม่กล้าตรวจสอบองค์กรอิสระ บ้านเมืองเลยเละเทะ เมื่อโควิด-19 เจือจางแล้ว ถึงเวลาที่จะคิดบัญชีกับองค์กรอิสระ (บางองค์กร) แล้ว

ก้าวหน้าเปิดตัว Common School

วันเดียวกัน คณะก้าวหน้าเปิดตัว “Common School” สถาบันศึกษาอบรมเพื่อการเปลี่ยนแปลงสังคม พร้อมเชิญวิทยากรชั้นแนวหน้าร่วมให้ความรู้ผ่านหลักสูตรการเรียนการสอนออนไลน์ โดยจะเผยแพร่ทางช่อง YouTube คณะก้าวหน้า- Progressive Movement และในรูปแบบ podcast ทาง Progressive Podcast ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และผู้อำนวยการหลักสูตรของ Common School กล่าวว่า การเกิดขึ้นของ Common School เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่ตนเคยประกาศไว้เมื่อตอนก่อตั้งคณะก้าวหน้าใหม่ๆ เพราะเห็นว่าการเอาชนะกันในทางการเมืองที่แท้จริง คือการเอาชนะกันในทางความคิด ต้องมุ่งปักธงวาระก้าวหน้าให้กับสังคมไทย เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ก่อร่าง “ประชาชน” ให้กลายเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศอย่างแท้จริง วิกฤตการณ์โควิด-19 ครั้งนี้ ส่งผลกระทบในวงกว้าง และยังเปิดเผยให้เห็นถึงโครงสร้างรัฐไทย และประเทศไทยอย่างชัดเจนที่สุด แสดงให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพในยามเผชิญหน้าวิกฤติ แสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำของสังคมไทย และโครงสร้างที่ฝังรากลึก

ดึงนักวิชาการร่วมทีมบรรยาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหลักสูตรแรกที่จะมีการเรียนการสอน คือหลักสูตร “covid-1984” ที่มุ่งหวังสร้างความเข้าใจต่อวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบไปทั้งโลก ผ่านมุมมองใหม่ว่าด้วยรัฐ ตลาด งบประมาณ อำนาจ ระบบราชการ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ตลอดจนความมั่นคงของโลกหลังโควิด โดยเชิญวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ ร่วมบรรยายในหัวข้อสำคัญ อาทิ สัมภาษณ์พิเศษเปิดหลักสูตร นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์, “ระเบียบโลกใหม่ : ภัยคุกคามและความมั่นคงในโลกหลังโควิด” โดยนายสุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, “ผ่างบประมาณแผ่นดิน : เส้นเลือดใหญ่ไร้ประสิทธิภาพ” โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล อดีตนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, “New Normal: การทำให้ระบอบอำนาจนิยมกลายเป็นเรื่องปกติถาวร” โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล, “มองโลกผ่านซัพพลายเชน: จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทย” โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า

กระตุกต่อม “แก๊งงูเห่า” ไล่ฟ้องดะ

ด้านนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า กรณีอดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ที่ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ที่มีการฟ้องร้องอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ รวมถึงประชาชนทั่วไป ฐานหมิ่นประมาท คาดว่าอาจเป็นนโยบายของพรรคภูมิใจไทยที่ต้องการแสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาด และพยายามทำให้ไม่มีใครกล้าพูดถึงเชิงลบ หรือวิพากษ์วิจารณ์การดูด ส.ส. ให้เป็นกรณีตัวอย่างหวังให้สังคมลืมเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตัว ส.ส.ด้วยกัน เท่าที่ทราบไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แม้บางคนจะย้ายพรรคไปแล้วแต่ยังมีคุยกันบ้าง เพราะเราเคารพแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่อยากจะขอคือ ส.ส.ที่ย้ายค่ายไปแล้ว ขออย่ากลับมาทำลายบ้านหลังแรกในเส้นทางทางการเมืองของคุณเลย การฟ้องร้องอดีตผู้สมัครกันเองยังพอเข้าใจได้ แต่การฟ้องร้องประชาชนที่ผิดหวังกับพฤติกรรมดังกล่าว เห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง

รบ.บ่จี๊ไม่มีงบจัดเลือกตั้งท้องถิ่น

อีกเรื่อง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการจัดเลือกตั้งระดับท้องถิ่นว่า ต้องไปถามกระทรวงมหาดไทย แต่เรื่อง ของงบประมาณตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ก่อนหน้านี้พร้อมแล้วแต่มีการดึงไปใช้เรื่องของโควิด-19 ส่วนจะต้องกันงบประมาณกันใหม่หรือไม่นั้น ส่วนใหญ่แล้วค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ท้องถิ่นนั้นๆ แต่ที่เราต้อง รับผิดชอบคือค่าใช้จ่ายส่วนกลางของ กกต.โดยส่วนกลางใช้งบกลาง ที่ขณะนี้อย่างน้อยมีงบที่เพิ่งปรับโอนเข้ามาตามร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณปี 2563 แต่ท้องถิ่นไม่มีงบกลาง ไม่รู้ว่าจะโยกออกได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากกระทรวงมหาดไทยมีความพร้อมแล้วก็ต้องเสนอมาที่รัฐบาล เพื่อแจ้ง กกต.ให้กำหนดวันเลือกตั้ง วันนี้แค่จะเลือกตั้งซ่อม จ.ลำปาง เขต 4 ก็มีปัญหาแล้ว เพราะมีการแจ้งมา ที่ตนว่าเพียงส่งเจ้าหน้าที่ไปเตรียมการเลือกตั้งก็ถูกกักตัวไว้ 14 วัน ดังนั้น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นปัจจัยหนึ่งเช่นกัน

พท.เฉ่งยับอย่าเอาโควิดมาอ้าง

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตมาแต่ต้นว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจกระจายอำนาจ ไม่เห็นความสำคัญการเลือกตั้งท้องถิ่น จึงพยายามหาข้ออ้างเลื่อนออกไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดข้ออ้าง ขณะนี้ได้ข้ออ้างใหม่คือการระบาดของโควิด-19 แต่ที่รัฐบาลไม่อยากให้มีการเลือกตั้งต้องดูที่ต้นทาง มีการพูดคุยกันใน กมธ.แก้ไขรัฐธรรมนูญ มองว่ารัฐบาลไม่อยากให้มีประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้น ไม่อยากให้อำนาจมาถึงประชาชน จึงเกิดการบอนไซการกระจายอำนาจ ไม่ให้เลือกตั้งท้องถิ่น มองว่าไม่ใช่แค่การเลือกตั้งท้องถิ่น หากดูทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่เคยกระจายอำนาจออกไปถูกดึงกลับมาหมด รู้มานานแล้วว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่เกิดขึ้นง่ายๆ มองว่าเรื่องงบประมาณไม่ใช่ปัญหา ท้องถิ่นจัดเตรียมงบประมาณที่ใช้ในการเลือกตั้งไว้อยู่แล้ว หากไม่พอส่วนกลางจะจัดงบเพิ่มเติมให้ การอ้างว่างบท้องถิ่นนำไปใช้เกี่ยวกับโควิด-19 นั้นเป็นเพียงข้ออ้าง

โพลชี้ รบ. “ตู่ 2” ทำชีวิตคนแย่ลง

วันเดียวกัน นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจำนวน 3,087 ตัวอย่าง เรื่องแนวโน้มจุดยืนทางการเมืองประชาชน พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 43.2 ระบุว่าหลังมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งมากว่า 1 ปี ชีวิตความเป็นอยู่แย่ลง ขณะที่ร้อยละ 31.5 ระบุแย่เหมือนเดิม สำหรับสาเหตุที่ทำบ้านเมืองวุ่นวายมากที่สุด คือการแย่งตำแหน่งรัฐมนตรี รองลงมาคือความแตกแยกของคนในพรรคการเมือง คนในรัฐบาลเป็นต้นเหตุของความวุ่นวาย ส.ส.จำนวนหนึ่งคอยสร้างความขัดแย้งกับคนอื่นไปรอบด้าน เมื่อสอบถามคนที่นายกฯควรวางใจระหว่างนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ให้คุมกระทรวงสำคัญถ้ามีการปรับคณะรัฐมนตรี พบว่าคะแนนใกล้เคียงกัน คือร้อยละ 25.1 เห็นว่าเป็นนายณัฏฐพล ขณะที่ร้อยละ 25.0 เห็นว่าเป็นนายสุริยะ นอกจากนี้ยังพบว่าแนวโน้มจุดยืนทางการเมืองของประชาชนตั้งแต่เดือน พ.ย.2562 จนถึงช่วงปลดล็อกผ่อนปรนโควิด-19 เดือน มิ.ย.2563 พบว่าแนวโน้มกลุ่มคนไม่สนับสนุนรัฐบาลเพิ่มขึ้น อยู่ที่ร้อยละ 54.4 ส่วนกลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาล อยู่ที่ร้อยละ 22.3 และพลังเงียบ ร้อยละ 23.3

Let's block ads! (Why?)



"พอ" - Google News
June 15, 2020 at 05:23AM
https://ift.tt/3fpnTMB

ส่อเลื่อนเลือกตั้งท้องถิ่น งบไม่พอ เจ้าหน้าที่ไม่พร้อม - ไทยรัฐ
"พอ" - Google News
https://ift.tt/2AxnV60

No comments:

Post a Comment